เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกร่วมกัน
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า กรณี พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.4/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 กำหนดให้นายทะเบียนกรมการขนส่งทางบกมีอำนาจรับชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่งแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้หน่วยงานทั้งสองเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์กัน ก่อนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา แม้กฎหมายจะมีผลบังคับใช้แล้ว แต่เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ร่วมกันให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วัน พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ โดยให้วันที่ 19 ธันวาคม เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบกจะรับชำระค่าปรับตามใบสั่งที่ค้างชำระแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้ขับขี่สามารถชำระค่าปรับดังกล่าวพร้อมกับการชำระภาษีประจำปี ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หากยังไม่พร้อมชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่ง กรมการขนส่งทางบกจะออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีฉบับชั่วคราวให้ซึ่งจะใช้ได้เพียง 30 วัน และผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถ สามารถไปชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือช่องทางอื่น เช่นไปรษณีย์ทุกแห่ง เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย แอปพลิเคชันกรุงไทย และหน่วยบริการรับชำระเงินที่มีสัญลักษณ์ PTM เช่น กลุ่ม CenPay และตู้บุญเติม ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน
ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถเห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่งให้ทำหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั้นภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนขนส่ง โดยให้ส่งหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าวทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังสถานีตำรวจตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบให้ประชาชนผู้รับใบสั่งสามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกช่องทางหนึ่ง ผ่านเว็บไซต์ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ticket เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูล และตรวจสอบใบสั่งจราจร จำนวนค่าปรับและช่องทางการชำระค่าปรับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น